Auto Mode
Auto Mode : หรือบางเครื่องจะเป็น I Feel อันนี้น่าจะเป็นโหมดที่ตามบ้านใช้กันเยอะที่สุด เมื่อเข้าสู่โหมดนี้ แอร์จะปรับอุณหภูมิและความเร็วของพัดลมโดยอัตโนมัติ ตามเซ็นเซอร์ของแอร์ หรือเรียกง่ายๆ ว่าให้แอร์คิดให้นั่นเอง
จุดเด่นที่ชอบคือ เมื่อเปิดแอร์ใหม่ๆ พัดลมจะหมุนเร็วเพื่อให้ห้องเย็นเร็ว และเมื่อห้องเย็นแล้วมันจะปรับความเร็วพัดลมลดลง โดยโหมด Auto เองมันจะสลับการทำงานไปโหมดอื่นๆ เช่น Dry หรือ Cool ให้ตามสภาพแวดล้อมในห้องเรา
เหมาะสำหรับ : บ้านที่ไม่ค่อยมีใครไปยุ่งกับแอร์มากนัก กดปุ่มเปิด/ปิด อย่างเดียว ที่เหลือให้แอร์มันคิดให้ เย็นเหมือนกัน

Cool Mode
Cool Mode : เป็นโหมดการทำงานที่ตรงไปตรงมา การทำความเย็นนั้นขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่เราปรับบนรีโมท ผู้ใช้สามารถตั้งค่าได้ทั้งอุณภูมิและความเร็วของพัดลม เมื่อแอร์ทำให้ห้องมีอุณหภูมิถึงจุดที่เราตั้งไว้แล้ว แอร์จะหยุดทำงานครู่หนึ่ง (หรือที่เราเรียกกันว่าแอร์ตัด)
เหมาะสำหรับ : ช่วงที่อากาศร้อน หรือตอนที่เราอยากให้ห้องมีอุณภูมิเย็นมากหรือน้อยตามใจเรา เผื่อมีใครขี้ร้อนหรือขี้หนาวประมาณนั้น

Dry Mode
Dry Mode : โหมดนี้ทำงานคล้ายกับโหมด Cool แต่แอร์ของเราจะเพิ่มหน้าที่ขึ้นมาอีกอย่างหนึ่งคือการลดความชื้นในอากาศ เราจะรู้สึกได้เลยว่าความเย็นจะลดลงถ้าเทียบกับโหมด Cool ในอุณหภูมิที่เท่ากัน เพราะความชื้นในอากาศนั้นหายไป
เหมาะสำหรับ : ห้องที่ต้องการควบคุมความชื้น มีสิ่งของหรืออุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสำหรับอากาศชื้น ซึ่งก็ไม่ค่อยใช้งานกันสักเท่าไหร่ในบ้านทั่วไป

Fan Mode
Fan Mode :โหมดพัดลมตามชื่อ ในโหมดนี้แอร์จะทำงานเฉพาะในส่วนของพัดลม ลมที่ออกมาจากแอร์จะเป็นลมในอุณหภูมิห้องปกติ ไม่ใช่ลมเย็น อุณหภูมิที่เราตั้งบนรีโมทจะไม่มีผลอะไรในโหมดนี้ สามารถตั้งค่าได้เฉพาะความเร็วของพัดลมเท่านั้น หลายคนที่เผลอกดรีโมทผิด แล้วแอร์เข้าสู่การทำงานในโหมด Fan มักจะเข้าใจผิดว่าแอร์เสีย เพราะแอร์จะไม่เย็นเลย ออกมาแต่ลม
เหมาะสำหรับ : ให้ห้องมีอากาศหมุนเวียนจากภายนอก แต่ไม่ต้องการให้ห้องมีความเย็น หรือเมื่อแอร์มีปัญหากลิ่นอับ โหมดนี้จะช่วยลดความชื้นสะสม และลดกลิ่นอับได้ระดับหนึ่ง